โอไมครอน ติดเชื้อรายแรกในไทย ฉุดหุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ หุ้นไทยดิ่ง 25.93 จุด หุ้นกลุ่ม “ค้าปลีก-ธนาคารพาณิชย์-พลังงาน” ดิ่งหนัก รงกังวลโอไมครอนทั้งใน-ต่างประเทศฉุดร่วง

วันที่ 20 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,641.73 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,615.80 จุด ปรับลดลง 25.93 จุด หรือ 1.58% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,633.80 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,612.96 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 82,357.88 ล้านบาท

โดยนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาด หุ้นไทยดิ่ง ดัชนีปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง สาเหตุเกิดจากความกังวลการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยภาพในประเทศเริ่มเจอจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนมากขึ้น ทำให้สาธารณสุขเตรียมเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในการยกเลิกใช้รูปแบบการเข้าประเทศไทยแบบเทส แอนด์ โก หรือตรวจหาเชื้อโควิด 1 ครั้ง ผ่านวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง หากไม่พบเชื้อใน 24 ชั่วโมง

สามารถเดินทางเที่ยวได้ปกติ ซึ่งถือเป็นการชะลอเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ บวกกับเจอการระบาดเป็นกลุ่มหรือคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้น จึงสร้างแรงกังวลมากขึ้นว่า เทศกาลปีใหม่ 2565 จะพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนเพิ่มมากขึ้น และเกิดการระบาดแบบรุนแรงหรือไม่ รวมถึงในหลายประเทศ พบการระบาดโอไมครอนจำนวนมาก และพบผู้เสียชีวิตด้วย ทำให้เห็นการล็อกดาวน์ย่อยๆ มากขึ้น

“ปัจจัยลบของตลาดหุ้นไทย มีเรื่องตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศรายชื่อหุ้นเข้าและออก หลังการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในปี 2565 อาทิ เดลต้า บีเจซี ซึ่งเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ในภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมีผลกดดันตลาดค่อนข้างมาก โดยช่วงที่ผ่านมาเห็นดัชนีหุ้นปรับขึ้นไปชนแนวต้านที่ระดับ 1,650 แต่ไม่ผ่านจุดทดสอบเดิม

ทำให้ดัชนีร่วงลง ส่วนแนวโน้มต่อไป มองว่าสาเหตุที่ทำให้ดัชนีปรับลดลง เป็นเรื่องเดิมๆ ทำให้การดาวน์ไซด์คงไม่ได้รุนแรงมากนัก หรือปรับลดลงแรงเท่าเดิม เป็นการชะลอการปรับลดลงมากกว่า แต่คงยังไม่ได้ดีดตัวขึ้น (รีบาวด์) ได้แน่ โดยแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุน คือ เน้นเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ อาทิ รถยนต์อีวี หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่รัฐบาลสนับสนุน ซึ่งจะเลี่ยงผลกระทบของโควิดได้บ้าง” นายณัฐพล กล่าว